หลาย ๆ คนที่อาจเคยมีประสบการณ์ลืมจ่ายเบี้ยประกันภัย หรือไม่แน่ใจว่าจ่ายเบี้ยประกันภัยไปแล้วหรือยัง ยิ่งคนที่มีประกันชีวิตหลายฉบับ ยิ่งอาจสับสนกับวันครบกำหนดชำระเบี้ยของแต่ละกรมธรรม์ว่าต้องชำระเบี้ยประกันภัยแบบรายเดือน ราย 3 เดือน ราย 6 เดือน และรายปี จนอาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคต แต่สำหรับลูกค้าของ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต สามารถตรวจสอบสถานะกรมธรรม์กับบริการ OCEAN CONNECT เพียงแอด LINE ของ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต @Oceanlife ต่อจากนี้ไม่ลืมจ่ายเบี้ยประกันแน่นอน
สำหรับใครที่อ่านสถานะกรมธรรม์บนบริการ OCEAN CONNECT แล้วยังมีข้อสงสัย บทความนี้มีคำอธิบายสถานะต่าง ๆ พร้อมวิธีต่ออายุกรมธรรม์ไว้ให้ด้วย เช็กกันได้เลย
สถานะที่ 1 มีผลบังคับ
สีของสถานะ เขียว
หมายถึง กรมธรรม์มีผลบังคับอยู่ และสถานะความคุ้มครองเป็นปกติตามที่ได้ระบุไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ เนื่องจากผู้เอาประกันภัยได้ชำระเบี้ยครบตามกำหนด หรือมีการนำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติในลักษณะการกู้ยืม (APL) หรือมีการยกเว้นชำระเบี้ยประกันภัย เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีสัญญาเพิ่มเติมการยกเว้นชำระเบี้ยประกันภัย (WP) หากผู้เอาประกันภัยกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร เช่น สูญเสียสายตาทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น ผู้เอาประกันภัยจะได้รับการยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยตามความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์
สถานะที่ 2 มีผลบังคับ/กรมธรรม์แบบขยายระยะเวลา
สีของสถานะ ส้ม
กรมธรรม์แบบขยายระยะเวลา คือ ผู้เอาประกันภัยยื่นคำขอที่จะหยุดชำระเบี้ย และแปลงกรมธรรม์เป็นแบบขยายระยะเวลา โดยกรมธรรม์จะยังให้ความคุ้มครองอยู่ด้วยทุนประกันชีวิตเท่าเดิม แต่ระยะเวลาการคุ้มครองลดลง และหยุดให้สิทธิประโยชน์ เช่น เงินคืนตามเงื่อนไขกรมธรรม์
ในกรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในช่วงของการขยายระยะเวลาดังกล่าว บริษัทฯ จะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ผู้รับประโยชน์
ในกรณีผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาที่ขยาย กรมธรรม์จะสิ้นผลบังคับ และหากกรมธรรม์ยังมีเงินเหลืออยู่ บริษัทฯ จะนำไปคำนวณเป็นเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวเพื่อซื้อการประกันภัยแบบสะสมทรัพย์แท้จริง และถ้าผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงวันครบกำหนด บริษัทฯ จะจ่ายเงินตามช่องเงินครบกำหนดให้ และหากยังมีเงินเหลืออีก บริษัทฯ จะจ่ายเงินดังกล่าวให้ตามช่องจ่ายเงินคืนทันทีให้แก่ผู้เอาประกันภัย ณ เวลาที่ผู้เอาประกันภัยขอแปลงเป็นกรมธรรม์แบบขยายระยะเวลา
ทั้งนี้ หากผู้เอาประกันภัยแจ้งเปลี่ยนแปลงความคุ้มครองเป็น กรมธรรม์แบบขยายระยะเวลา แล้วจะไม่สามารถต่ออายุกรมธรรม์ หรือคืนสู่สถานะปกติได้
สถานะที่ 3 มีผลบังคับ/กรมธรรม์แบบใช้เงินสำเร็จ
สีของสถานะ ส้ม
กรมธรรม์แบบใช้เงินสำเร็จ คือ การหยุดชำระเบี้ย และเปลี่ยนกรมธรรม์เป็นแบบใช้เงินสำเร็จ โดยกรมธรรม์จะให้ระยะเวลาการคุ้มครองเท่าเดิม แต่ลดทุนประกันชีวิตลงตามตารางมูลค่าใช้เงินสำเร็จ และหยุดให้สิทธิประโยชน์ เช่น เงินคืนตามเงื่อนไขกรมธรรม์
กรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตระหว่างสัญญา หรือมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา บริษัทฯ จะจ่ายผลประโยชน์ตามตารางมูลค่าใช้เงินสำเร็จที่ระบุไว้
การเปลี่ยนจากสถานะกรมธรรม์ปกติเป็นกรมธรรม์แบบใช้เงินสำเร็จ อาจเกิดจากการยื่นคำขอของผู้เอาประกันภัยเอง หรือเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติเมื่อผู้เอาประกันภัยไม่ได้ชำระเบี้ยประกันภัยภายในระยะเวลาการผ่อนผันชำระเบี้ยประกันภัย
วิธีการต่ออายุกรมธรรม์แบบใช้เงินสำเร็จ เพื่อคืนสู่สถานะปกติ
สำหรับกรณีที่สถานะกรมธรรม์ถูกเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จโดยอัตโนมัติ ผู้เอาประกันภัยต้องชำระเบี้ยประกันภัยของงวดที่ค้างชำระทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยในอัตราที่กำหนดไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ โดยคำนวณนับจากวันที่ครบกำหนดชำระเบี้ย และชำระคืนหนี้สินใดๆ ที่มีอยู่ในกรมธรรม์พร้อมดอกเบี้ยทบต้นตามอัตราที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม หากกรมธรรม์อยู่ในสถานะกรมธรรม์แบบใช้เงินสำเร็จเกิน 5 ปี ผู้เอาประกันภัยจะไม่สามารถขอต่ออายุกรมธรรม์ได
นอกจากนั้น หากกรมธรรม์ระบุให้ตรวจสุขภาพ หรือแถลงสุขภาพ ผู้เอาประกันภัยจะต้องส่งคำแถลงสุขภาพ เพื่อให้บริษัทฯ พิจารณาใหม่อีกครั้ง และจะเริ่มนับระยะเวลาไม่คุ้มครอง (Waiting Period) ใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้ หากผู้เอาประกันภัยยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงความคุ้มครองเป็น กรมธรรม์แบบใช้เงินสำเร็จแล้ว จะไม่สามารถต่ออายุกรมธรรม์ หรือคืนสู่สถานะปกติได้
สถานะที่ 4 ครบกำหนดสัญญา
สีของสถานะ เทา
หมายถึง กรมธรรม์มีอายุครบตามระยะเวลาที่บริษัทฯ กำหนดไว้ ซึ่งบริษัทจะจ่ายเงินครบกำหนดสัญญาให้ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ (ถ้ามี)
สถานะที่ 5 ขาดผลบังคับ
สีของสถานะ เทา
หมายถึง กรมธรรม์ขาดผลบังคับจาก 3 กรณี ดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1 มีการบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ (Void) เสมือนว่าไม่เคยมีการทำสัญญาดังกล่าว เนื่องจากบริษัทฯ ตรวจพบเหตุที่ทำให้บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องบอกล้างสัญญา เช่น มีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็งผิวหนังมาก่อน แต่ไม่ได้แถลงข้อมูลประวัติสุขภาพในใบคำขอเอาประกันชีวิตบริษัทฯ ทราบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะสามารถบอกเลิกสัญญาได้ภายใน 2 ปี นับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์
กรณีที่ 2 ผู้เอาประกันภัยขอยกเลิกกรมธรรม์ภายใน 15 วันหลังได้รับกรมธรรม์ (Free Look) ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะได้รับเบี้ยประกันภัยที่ชำระไปคืน หลังจากหักค่าธรรมเนียมตามเงื่อนไขกรมธรรม์
กรณีที่ 3 ผู้เอาประกันภัยขอเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบกำหนดสัญญา มักจะเกิดขึ้นเมื่อผู้เอาประกันภัยไม่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยได้อีกต่อไป โดยผู้เอาประกันภัยจะสามารถขอเวนคืนกรมธรรม์ได้ ก็ต่อเมื่อมีการชำระเบี้ยประกันภัยมาจนถึงเวลาที่มีเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์และกรมธรรม์ยังมีผลบังคับเท่านั้น โดยบริษัทฯ จะจ่ายเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์กับผลประโยชน์อื่น ๆ อันพึงจะได้รับ (ถ้ามี) หักด้วยจำนวนหนี้สินใด ๆ ที่ค้างชำระอยู่ (ถ้ามี)
กรณีที่ 4 กรมธรรม์ขาดผลบังคับเกิน 5 ปี
สำหรับ 4 กรณีดังกล่าว ผู้เอาประกันภัยจะไม่สามารถต่ออายุกรมธรรม์ได้
สถานะที่ 6 ขาดผลบังคับ
สีของสถานะ แดง
หมายถึง ผู้เอาประกันภัยไม่ชำระเบี้ยประกันภัยภายในระยะเวลาผ่อนผัน จนทำให้กรมธรรม์ขาดอายุแต่ไม่เกิน 5 ปี หรือกรมธรรม์ไม่มีมูลค่าเวนคืนเพียงพอชำระเบี้ยประกันภัยอัตโนมัติ (APL)
วิธีการต่ออายุกรมธรรม์ที่ขาดผลบังคับ เพื่อคืนสู่สถานะปกติ
ผู้เอาประกันภัยต้องชำระเบี้ยประกันภัยของงวดที่ค้างชำระทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยในอัตราที่กำหนดไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ โดยคำนวณนับจากวันที่ครบกำหนดชำระเบี้ย และชำระคืนหนี้สินใดๆ ที่มีอยู่ในกรมธรรม์พร้อมดอกเบี้ยทบต้นตามอัตราที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม หากกรมธรรม์อยู่ในสถานะขาดผลบังคับเกิน 5 ปี ผู้เอาประกันภัยจะไม่สามารถขอต่ออายุกรมธรรม์ได้
นอกจากนั้น หากกรมธรรม์ระบุให้ตรวจสุขภาพ หรือแถลงสุขภาพ ผู้เอาประกันภัยจะต้องส่งคำแถลงสุขภาพ เพื่อให้บริษัทฯ พิจารณาใหม่อีกครั้ง และจะเริ่มนับระยะเวลาไม่คุ้มครอง (Waiting Period) ใหม่อีกครั้ง
นอกจากจะสามารถตรวจสอบสถานะกรมธรรม์และแก้ปัญหาลืมจ่ายเบี้ยประกันได้แล้ว ยังสามารถดาวน์โหลดข้อมูลสินไหม รายละเอียดแบบประกันที่น่าสนใจ ค้นหาสาขาและโรงพยาบาลเครือข่าย รวมถึงหนังสือรับรองการชำระเบี้ยเพื่อลดหย่อนภาษีได้ด้วยบริการ OCEAN CONNECT อีกด้วย คลิกที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดได้เลย